วันอังคารที่ 18 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

แบบฝึกหัด บทที่ 1-8



รายวิชาการจักการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวัน            รหัสวิชา    0026 008
ชื่อ - สกุล    นางสาว รักชนก ศรีจุลโพธิ์                                  รหัสนิสิต   57010110535
คณะ มนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์                                       กลุ่มเรียนที่ 3          

.............................................................................................................
 
แบบฝึกหัดบทที่ 1
จงเติมในช่องว่างว่าข้อใดเป็นข้อมูลหรือสารสนเทศ

1.ข้อมูลหมายถึง
ตอบ ข้อเท็จจริงของสิ่งที่เราสนใจ ข้อเท็จจริงที่เป็นตัวเลข ข้อความ หรือรายละเอียดซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ภาพ เสียง วีดิโอไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ หรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ  ข้อมูลเป็นเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง  และต้องถูกต้องแม่นยำ ครบถ้วน ขึ้นอยู่กับผู้ดำเนินการที่ให้ความสำคัญของความรวดเร็วของการเก็บข้อมูล ดังนั้นการเก็บข้อมูลจึงเป็นการเก็บรวบรวมเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของสิ่งที่เราสนใจนั่นเอง ข้อมูลจึงหมายถึงตัวแทนของข้อเท็จจริง หรือความเป็นไปของสิ่งของที่เราสนใจ
 
2.ข้อมูลปฐมภูมิคือ                                          
 ตอบ ข้อมูลที่ได้จากการรวบรวมหรือบันทึกจากแหล่งข้อมูลโดยตรง ซึ่งอาจจะได้จากการสอบถาม การสัมภาษณ์ การสำรวจ การจดบันทึก ตลอดจนการจัดหามาด้วยเครื่องจักรอัตโนมัติต่างๆ ที่ดำเนินการจัดเก็บข้อมูลได้ เช่นเครื่องอ่านรหัสแท่ง เครื่องอ่านแถบแม่เหล็ก ข้อมูลปฐมภูมิจึงเป็นข้อมูลพื้นฐานที่ได้มาจากจุดกำเนิดของข้อมูลนั้นๆ

3.ข้อมูลทุติยภูมิคือ
ตอบ  ข้อมูลที่มีผู้อื่นรวบรวมไว้ให้แล้ว บางครั้งอาจจะมีการประมวลผลเพื่อเป็นสารสนเทศ ผู้ใช้ข้อมูลไม่จำเป็นต้องไปสำรวจเอง ตัวอย่างจากข้อมูลสถิติต่างๆ ที่หน่วยงานรัฐบาลทำไว้แล้ว เช่น สถิติจำนวนประชากรแต่ละจังหวัด สถิติการส่งสินค้าออก สถิติการนำสินค้าเข้า ข้อมูลเหล่านี้มีการตีพิมพ์เผยแพร่เพื่อให้ใช้งานได้ หรือนำเอาไปประมวลผลต่อ

4. สารสนเทศหมายถึง
 ตอบ ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ต่อการดำเนินชีวิตของมนุษย์ หรืออาจกล่าวได้ว่า สารสนเทศ เกิดจากการนำข้อมูล ผ่านระบบการประมวลผล คำนวณ วิเคราะห์และแปลความหมายเป็นข้อความที่สามารถนำไปใช้ประโยชน์ได้
 เช่น สารสนเทศที่เป็น ความรู้ที่เกิดจากวิทยุ โทรศัพท์มือถือ ข้อมูลข่าวสารต่าง ๆ รอบตัวเราซึ่งอาจมาจาก วิทยุ โทรทัศน์ เครือข่ายคอมพิวเตอร์ดาวเทียม โทรศัพท์ เครื่องจักร ที่เกี่ยวกับสารสนเทศได้ เครื่องคอมพิวเตอร์ ระบบสื่อสารโทรคมนาคมสมัยใหม่ เช่น การฝาก ถอนเงินผ่านเครื่อง ATM การจองตั๋วเครื่องบิน การลงทะเบียน ฯลฯ

5. จงอธิบายประเภทของสารสนเทศ
 ตอบ สารสนเทศได้มีการจำแนกออกตามแหล่งสารสนเทศและตามสื่อที่จัดเก็บ ดังนี้
            1.สารสนเทศจำแนกตามแหล่งสารสนเทศ เป็นการจำแนกสารสนเทศตามการรวบรวมหรือจัดกระทำกับสารสนเทศ จำแนกได้ดังนี้
            1.1 แหล่งปฐมภูมิ (Primart Source) คือ สารสนเทศที่ได้มาจากต้นแหล่งโดยตรง เป็นสารสนเทศทางวิชาการ ผลของการศึกษาค้นคว้า วิจัย รายงาน การค้นพบทฤษฎีใหม่ๆ เพื่อใช้เป็นแนวทางในการศึกษาเพิ่มเติม ซึ่งนำไปสู่การยอมรับเป็นทฤษฎีใหม่ที่เชื่อถือได้ สารสนเทศประเภทนี้มักจะถูกถ่ายทอดออกมาในลักษณะของสิ่งพิมพ์ เช่น วารสาร รายงานการวิจัย รายงานการประชุมและสัมมนาวิชาการ สิทธิบัตร เอกสาร มาตรฐานต่างๆ ต้นฉบับตัวเขียน จดหมายเหตุ วิทยานิพนธ์ และการถ่ายทอดทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์ เช่น วารสารอิเล็กทรอนิกส์ เป็นต้น
            1.2แหล่งทุติยภูมิ (Secondary Source) คือ สารสนเทศที่มีการรวบรวม เรียบเรียงขึ้นใหม่จากแหล่งสารสนเทศปฐมภูมิมักจะอยู่ในรูปแบบการสรุป ย่อเรื่อง จัดหมวดหมู่ ทำดรรชีและสาระสังเขปเพื่อประโยชน์เข้าถึงและสามารถใช้ข้อมูลได้อย่างสะดวกรวดเร็ว ได้แก่ สื่ออ้างอิงประเภทต่างๆวารสารที่มีสรุปย่อและตีความ รวมถึงหนังสือ ตำรา ที่รวบรวมเนื้อหาวิชาการในการเรียนการสอน สารานุกรม พจนานุกรม รายงานสถิติต่างๆ ครรชะนีและสาระสังเขป
            1.3 แหล่งตติยภูมิ (Tertiary Source) คือสารสนเทศที่จัดทำขึ้นเพื่อใช้ในการค้นหาสารสนเทศจากแหล่งสารสนเทศและทุติยภูมิ จะไม่ได้ให้เนื้อหาสาระโดยตรง แต่จะมีประโยชน์ในการค้นหาสารสนเทศที่ให้ความรู้เฉพาะสาขาวิชา ได้แก่ บรรณานุกรม นามานุกรม ด้วยความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์จึงได้มีการจัดเก็บบันทึกข้อมูลไว้ในสื่อคอมพิวเตอร์ มักจะออกนำเผยแพร่นรูปของ CD-ROM ฐานข้อมูลออฟไลน์
            2. สารสนเทศจำแนกสื่อจักเก็บ เป็นการจำแนกสารสนเทศตามชนิดของสื่อที่ใช้ในการบันทึกข้อมูล ข่าวสาร ความรู้ ได้แก่ กระดาษ วัสดุย่อส่วน สื่ออิเล็กทรอนิกส์ และสื่อแสง
            2.1 กระดาษ เป็นสื่อที่ใช้บันทึกข้อมูล สารสนเทศ ที่ใช้ง่ายต่อการบันทึก รวมทั้งการเขียนและการพิมพ์ซึ่งเป็นที่นิยมใช้กันจนถึงปันจุบัน
            2.2 วัสดุย่อส่วน เป็นสื่อที่ถูกสำเนาย่อส่วนลงบนแผ่นฟิล์มชนิดต่างๆทั้งที่เป็นม้วนและเป็นแผ่น มีการจัดเรียงลำดับเนื้อหาตามต้น เช่น เอกสารจดหมายเหตุ หนังสือพิมพ์ เอกสาระสำคัญ วิทยานิพนธ์ เป็นต้น
            2.3 สื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อแม่เหล็ก เป็นวัสดุสังเคราะห์เคลือบด้วยสารแม่เหล็ก สามารถบันทึกและแก้ไขข้อมูลได้สะดวกทั้งข้อมูลที่เป็นแอนาล็อก และดิจิตอล เช่น เทปวีดีทัศน์ เทปบันทึกเสียง ฮาร์ดดิสก์ เป็นต้น
            2.4 สื่อแสงหรือออปติก(Optical Media) เป็นสื่อที่ใช้ในการบันทึกข้อมูลและอ่านข้อมูลด้วยแสงเลเซอร์ เช่น ซีดี-รอม ดีวีดี เป็นต้น ซึ่งมีความจุมากเป็นพิเศษ


6. ข้อเท็จจริงของสิ่งต่างๆที่อาจเป็นตัวเลขข้อความรูปภาพเสียงคือ
ตอบ  ข้อเท็จจริงที่เป็นตัวเลข ข้อความ หรือรายละเอียดซึ่งอาจอยู่ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น ภาพ เสียง วีดิโอไม่ว่าจะเป็นคน สัตว์ สิ่งของ หรือเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับสิ่งต่าง ๆ  ข้อมูลเป็นเรื่องเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง  และต้องถูกต้องแม่นยำ  ครบถ้วน ขึ้นอยู่กับผู้ดำเนินการที่ให้ความสำคัญของความรวดเร็วของการเก็บข้อมูล ดังนั้นการเก็บข้อมูลจึงเป็นการเก็บรวบรวมเกี่ยวกับข้อเท็จจริงของสิ่งที่เราสนใจนั่นเอง ข้อมูลจึงหมายถึงตัวแทนของข้อเท็จจริง หรือความเป็นไปของสิ่งของที่เราสนใจ


7.ข้อมูลที่ผ่านการประมวลผลเป็น
ตอบ  เป็นการประมวลผลทางข้อมูลเป็นการนำข้อมูล ที่เก็บรวบรวมได้มาผ่านกระบวนการต่าง ๆ เพื่อแปรสภาพข้อมูลให้อยู่ในรูปแบบที่ต้องการ เรียกว่า ข้อมูลสนเทศหรือสารสนเทศ


8.ส่วนสูงของเพื่อนที่ถามจากเพื่อนแต่ละคนเป็น
ตอบ ข้อมูลปฐมภูมิ


9.ผลของการลงทะเบียนเป็น
ตอบ  ข้อมูลตติยภูมิ


10.กราฟแสดงจำนวนนิสิตในห้องเรียนวิชาการจัดการสารสนเทศยุคใหม่ในชีวิตประจำวันSectionnวันอังคารเป็น
ตอบ ข้อมูลทุติยภูมิ


...................................................................................


แบบฝึกหัดบทที่  2
คำชี้แจง จงตอบคำถามต่อไปนี้

1. ให้นิสิตหารายชื่อเว็บไซต์หรือเทคโนโลยีให้บริการต่างๆตามหัวข้อต่อไปนี้มาอย่างละ 3 รายการ
         1.1 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในสาขาการศึกษา
              ตอบ 1. http://www.thaiebook.org/
                            (เป็นแหล่งรวบรวม E - Book)
                       2. http://cptd.chandra.ac.th/selfstud/it4life/intro.htm
                          (เป็นแหล่งรวบรวมความรู้เกี่ยวกับคอมพิวเตอร์เบื้องต้น)
                       3.http://www.oknation.net/blog/knownledgelaw/2007/09/01/entry-2
                          (เป็นแหล่งรวบรวมความรู้เกี่ยวกับความรู้เบื้องต้นเกี่ยวกับกฎหมาย)
         1.2 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพธุรกิจ พาณิชย์ และสำนักงาน

          ตอบ  1.http://www.thunhoon.com/home/  (เป็นเว็บวิเคราะห์หุ้น)

                    2.http://www.pickmeeasy.com/th/hot-topics/exchange.html
                          (เป็นเว็บอัตราแลกเปลี่ยนประจำวัน)
                    3.http://www.goldtraders.or.th/gold_day.php (เว็บสมาคมค้าทอง)


          1.3 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพการสื่่อสารมวลชน
          ตอบ 1. http://www.thairath.co.th/  (เว็บหนังสือพิมพ์ไทยรัฐ)
                  2. http://www.dailynews.co.th/ (เว็บหนังสื่อพิมพ์เดลินิวส์)
                  3. http://www.komchadluek.net/index.php (เว็บหนังสื่อพิมพ์คมชัดลึก)

         1.4 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางอุตสาหกรม
          ตอบ 1. http://teenet.tei.or.th/DatabaseGIS/amatanakorn.html
                       (เว็บรวบรวมโรงงานต่างๆในอมตะนคร)
                   2. http://www.industry.go.th/page/index.aspx  ( เว็บของกระทรวงอุตสาหกรรม)
                   3. http://www.dip.go.th/       (เว็บของกรมส่งเสริมอุตสาหกรรม)

         1.5 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทางการแพทย์
         ตอบ 1. http://www.samunpri.com/
                      (เว็บสมุนไพรไทย)      
                  2. http://www.bangkokhospital.com/ (เว็บโรงพยาบาลกรุงเทพ)
                  3. http://health.kapook.com/( เว็บรวบรวมเรื่องเกี่ยวกับสุขภาพ)

        1.6  การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพทหารตำรวจ
         ตอบ 1. http://befreshstudio.com/udomsuk/send.php
                      (เว็บแจ้งความออนไลน์)                  
                  2. http://www.rpca.ac.th/( เว็บโรงเรียนนายร้อยตำรวจ)
                  3. http://www.moj.go.th/th/cms/detail.php?id=429
                      ( เว็บที่รวบรวมกฎหมายเกี่ยวกับชีวิตประจำวัน)

       1.7 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพวิศวกรรม
        ตอบ 1. http://www.coe.or.th/e_engineers/coeindex.php( เว็บสภาวิศวกรรม)
                 2. http://www.ceat.or.th/2010/index.php
                     ( เว็บสมาคมวิศวกรรมปรึกษาแห่งประเทศไทย)
                 3. http://www.civilclub.net/ (เว็บรวบรวมข้อมูลต่างๆเกี่ยวกับวิศวกรรม)

       1.8 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในวิชาชีพด้านเกษตรกรรม
        ตอบ 1. http://www.kasetporpeang.com/ ( เว็บรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับเกษตรพอเพียง)
                 2. http://krudaeng.wikispaces.com/
                     (เว็บรวบรวมความรู้ต่างๆเกี่ยวกับดิน)              
                 3. http://www.skywaterthai.com/001.html
                     ( เว็บรวบรวมความรู้ต่างๆเกี่ยวกับเรื่องน้ำ)

        1.9 การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศที่เกี่ยวข้องกับคนพิการ
              ตอบ 1. http://www.healthyability.com/new_version5/
                          ( เว็บสร้างเสริมสุขภาพผู้พิการไทย)                          
                       2. http://www.ddc.go.th/(เว็บศูนย์พัฒนาอาชีพผู้พิการ)                    
                       3. http://www.blind.or.th/
                          (เว็บมูลนิธิช่วยคนตาบอลแห่งประเทศไทย)

2. มหาวิทยาลัยมหาสารคามเตรียมเทคโนโลยีสารสนเทศด้านการศึกษาให้กับท่านมีอะไรบ้าง  บอกมาอย่างน้อย 3 ข้อ
             ตอบ 1. WiFi
                      2. จุดบริการใช้คอมพิวเตอร์ฟรี
                      3. การลงทะเบียนเรียนผ่านระบบ Internet

3. ข้อ 2 จงวิเคราะห์ว่าท่านจะเทคโนโลยีเหล่านั้น มาทำให้เกิดประโยชน์ต่อตนเองอย่างไรบ้าง  
          ตอบ 1. WiFi  ให้ประโยชน์โดยการที่เราสามารถเชื่อมต่อแล้วเข้าไปค้นหางานหรือสิ่งที่เราสนใจ
                     สะดวกมากขึ้น                  2.จุดบริการใช้คอมพิวเตอร์ฟรีให้ประประโยชน์เรามากมายเราสามารถงานได้ในที่ต่างๆ
                       ที่มีคอมพิวเตอร์โดยไม่เสียตังค์และยังสะดวกสบายเราไม่ต้องพกโน๊ตบุ๊คไปเรียนด้วย
                       แค่ไปที่ๆมีจุดบริการคอมพิวเตอร์ฟรีเราก็สามารถใช้ Internet ได้แล้ว

                  3.การลงทะเบียนเรียนผ่านระบบ  Internet  ให้ความสะดวกสบายกับเราไม่ต้องเดินไปถึง
                     อาคารราชนครินทร์เพื่อไปติดต่อเรื่องการลงทะเบียนเรียน  เพียงแค่เราเข้าเว็บของ
                     มหาลัยเราก็สามารถลงทะเบียนเรียนได้แล้ว




....................................................................................

บบฝึกหัดบทที่ 3
คำชี้แจง จงเลือกคำตอบที่ถูกต้องที่สุด

     1.ข้อใดเป็นความหมายที่ถูกต้องที่สุดของการรู้สารสนเทศ
             ตอบ  ง.ความสามารถของบุคคลในการเข้าถึง  ประเมิน  และใช้งานสารสนเทศ
     2.จากกระบวนการของการรู้สารสนเทศ  ทั้ง 5 ประการ  ประการไหนสำคัญที่สุด
             ตอบ  ง.ความสามารถในการใช้และการสื่อสารสารสนเทศอย่างมีประสิทธิภาพ
     3.ข้อใดไม่ใช่ลักษณะของผู้รู้สารสนเทศ
              ตอบ  ค.ชอบใช้คอมพิวเตอร์ในการเล่นเกมส์
      4.ข้อใดไม่ใช่ความสำคัญของการรู้สารสนเทศ
              ตอบ  ค.สารสนเทศมีการเพิ่มปริมาณอย่างรวดเร็ว  จนยากที่จะเข้าถึง
      5.ข้อใดเป็นการเรียงลำดับขั้นตอนของกระบวนการเรียนรู้สารสนเทศที่ถูกต้อง
              ตอบ  ก. 1-2-3-4-5



...............................................................................

แบบฝึกหัดบทที่  4
คำชี้แจง จงตอบคำถามต่อไปนนี้


1.ให้นิสิตยกตัวอย่างอุปกรณ์ที่ใช้เทคโนโลยีสารสนเทศตามหัวข้อต่อไปนี้  อย่างน้อยหัวข้อละ 3 ชนิดแล้วแลกเปลี่ยนกันตรวจสอบกับเพื่อน

       1.1  การบันทึกและจัดเก็บบันทึก
                ตอบ   การสัมภาษณ์,การจดบันทึก,การจัดหาด้วยเครื่งอัตโนมัติ
       1.2  การแสดงผล
                ตอบ   เครื่องพิมพ์,จอภาพ,พลอตเตอร์,ลำโพง
       1.3  การประมวลผล
               ตอบ   การโอนเงิน,การจดตั๋วเครื่อง,การสำรวจค่านิยม Poll
       1.4  การสื่อสารและเครือค่าย
               ตอบ   WIFI , โทรศัพท์ , Internet


1.ให้นิสิตนำตัวเลขในช่องขวา มาเติมหน้าข้อความในช่องซ้ายที่มีความสัมพันธ์กัน

(7)   ซอฟแวร์ประยุกต์                  
1.ส่วนใหญ่ใช้ทำหน้าที่คำนวณ  ประมวลผลข้อมูล
(4)    Information  Technology
2.e-Revenue
(1)    คอมพิวเตอร์ในยุกต์ประเมินผลข้อมูล
3.เทคโนโลยีต่างๆที่นำมาประยุกต์ใช้ในการดำเนินการเกี่ยวกับสารสนเทศ  เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพ  ความถูกต้องแม่นยำ  และความรวดเร็วต่อการนำไปใช้
(6)    เทคโนโลยีสารสนเทศประกอบด้วย
4.มีองค์ประกอบพื้นฐาน3ส่วน ได้แก่  Sender  Medium  และ Decoder
(10)   ช่วยเพิ่มผลผลิต  เพิ่มต้นทุน  และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำงาน
5.การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศในการรับ-ส่งเอกสารจากหน่วยงานหนึ่งไปยังอีกหน่วยงานหนึ่งโดยส่งผ่านเครือข่าย
(8)    ซอฟต์แวร์ระบบ
6.เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์  เทคโนโลยีการสื่อสารโทรคมนาคม และเทคโนโลยีอื่นๆที่เกี่ยวข้อง
(3)    การนำเสนอบทเรียนในรูปแบบมัลติมีเดียเพื่อผู้เรียนสามารถเรียนรู้ด้วยตนเองได้ตามระดับความสามารถ
7.โปรแกรมที่ทำหน้าที่ใช้ควบคุมอุปกรณ์ต่างๆภายในระบบคอมพิวเตอร์
(5)    EDI
8.โปรแกรมระบบห้องสมุดอัตโนมัติ  จัดเป็นซอฟต์แวร์ประเภทใด
(9)    การสื่อสารโทรคมนาคม
9.CAI
(2)    บริการชำระภาษีออนไลน์
10.ลักษณะสำคัญของเทคโนโลยีสารสนเทศ




..............................................................................


บทที่ 5 การจัดการสารสนเทศ

คำชี้แจง จงตอบคำถามต่อไปนี้
1.จงอธิบายความหมายของการจัดการสารสนเทศ
ตอบ การจัดการสารสนเทศ หมายถึง การผลิต การจัดเก็บ ประมวลผล ค้นหา และเผยแพร่ สารสนเทศโดยจัดให้มีระบบสารสนเทศ การกระจายของสารสนเทศ ทั้งภายในภายนอกองค์การ โดยมีการนำเอาเทคโนโลยีต่างๆ โดยเฉพาะเทคโนโลยีสารสนเทศ และการสื่อสารมาใช้ในการจัดการ รวมทั้งมีนโยบาย หรือ กลยุทธ์ระดับองค์การจัดการสารสนเทศ

2.การจัดการสารสนเทศมีความสำคัญต่อบุคคลและต่อองค์การอย่างไร
ตอบ - ความสำคัญของการจัดการสารสนเทศต่อบุคคล
       การจัดการสารสนเทศมีความสำคัญต่อบุคคลในด้าน การดำรงชีวิตประจำวัน การศึกษา และการทำงานประกอบอาชีพ ต่างๆ การจัดการสารสนเทศอย่างเป็นระบบ โดยการจัดทำฐานข้อมูลส่วนบุคคลรวบรวมทั้งข้อมูลการดำรงชีวิต การศึกษา และการทำงานประกอบอาชีพต่างๆ ในการดำรงชีวิตประจำวัน บุคคลย่อมต้องการสารสนเทศหลายด้าน เพื่อใช้ชีวิตอย่างราบรื่น มีความก้าวหน้า และมีความสุข

        - ความสำคัญของการจัดการสารสนเทศต่อองค์การ
     การจัดการสารสนเทศมีความสำคัญต่อองค์การ ในด้านการบริหารจัดการ การดำเนินงาน และ กฎหมาย ดังนี้
      1.ความสำคัญด้านการบริหารจัดการ ผู้บริหารต้องอาศัยสารสนเทศที่เกี่ยวข้องทั้งกับสภาพแวดล้อมภายในและภายนอกองค์การ ให้สามารถแข่งขันกับองค์การคู่แข่งต่างๆ
      2.ความสำคัญด้านการดำเนินงาน สารสนเทศนับมีความสำคัญต่อการดำเนินงานในหลายลักษณะ เป็นทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพ และ ความคล่องตัวในการดำเนินงาน และหลักฐานที่บันทึกการดำเนินงานในด้านต่างๆ ตามที่หน่วยงานดำเนินการ การจัดการสารสนเทศช่วยให้การใช้สารสนเทศช่วยให้การใช้สารสนเทศเพื่อรองรับการปฎิบัติงาน ตามกระแสงานหรือขั้นตอน
     3.ความสำคัญด้านกฎหมาย การจัดการสารสนเทศเพื่อการดำเนินงาน จำเป็นต้องสอดคล้องกับ กฎหมาย กฎระเบียบและข้อบังคับทั้งในระดับภายในและภายนอกองค์การโดยเฉพาะสารสนเทศที่เกี่ยวข้อง กับการเงินและบัญชีที่ต้องรวบรวมจัดเก็บอย่างต่อเนื่อง เป็นระบบ ทั้งนี้ เนื่องจากการไม่ปฎิบัติตามกฎหมายหรือระเบียบข้อบังคับต้องมีบทลงโทษ


3.พัฒนาการของการจัดการสารสนเทศแบ่งออกเป็นกี่ยุคอะไรบ้าง
ตอบ การจัดการสารสนเทศโดยทั่วไป แบ่งอย่างกว้างได้เป็น 2 ยุค คือ การจัดการสารสนเทศด้วยระบบมือ และการจัดการสารสนเทศโดยใช้คอมพิวเตอร์


4.จงยกตัวอย่างการจัดการสารสนเทศที่นิสิตใช้ในชีวิตประจำวันมา อย่างน้อย 3 ตัวอย่าง
ตอบ - การใช้เครื่องคอมพิวเตอร์
        - การใช้บัตร ATM ในการโอนเงิน-ถอนเงิน

        - การใช้โทรศัพย์บันทึกเรื่องราวต่างๆ ไม่ว่าจะโดยภาพ เสียง หรือข้อความ



................................................................................


แบบฝึกหัดบทที่ 6 การประยุกต์ใช้สารสนเทศในชีวิตประจำวัน

 คำชี้แจง  : จงเลือกคำตอบที่ถูกที่สุดเพียงข้อเดียว

1.การประยุกต์ความรู้ด้านวิทยาศาสตร์มาใช้ให้เกิดประโยชน์ เป็นความหมายของข้อใด
ตอบ เทคโนโลยีสารสนเทศ

2.เทคโนโลยีสารสนเทศใดก่อให้เกิดผลด้านการเสริมสร้างความเท่าเทียมกันในสังคม?
ตอบ ระบบการเรียนสอนทางไกล

3.การฝากอนเงินผ่าน ATM เป็นลักษณะเด่นของเทคโนโลยีสารสนเทศข้อใด?
ตอบ ระบบอัตโนมัติ

4.ข้อใดคือการประยุกต์ใช้งานเทคโนโลยีสารสนเทศ?
ตอบ  ถูกทุกข้อ

5.เทคโนโลยีสารสนเทศหมายถึงข้อใด?
ตอบ การนำเทคโนโลยีด้านคอมพิวเตอร์มาสร้างข้อมูลเพิ่มให้กับสารสนเทศ

6.เครื่องมือทีสำคัญในการจัดสารสนเทศในยุคเทคโนโลยีสารสนเทศคืออะไร?
ตอบ ถูกทุกข้อ

7.ข้อใดไม่ใช่บทบาทของเทคโนโลยีสารสนเทศ?
ตอบ เทคโนโลยีทำให้การสร้างพักอาศัยมีคุณภาพ

8.ข้อใดไม่ใช่อุปกรณ์ที่ช่วยงานด้านสารสนเทศ?
ตอบ เครื่องถ่ายเอกสาร

9.ข้อใกล่าวไม่ถูกต้องเกี่ยวกับ เทคโนโลยีสารสนเทศ?
ตอบ ไม่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์

10.ข้อใดคือประโยชน์ที่ได้จากการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาใช้กับการเรียน?
ตอบ ถูกทุกข้อ



.....................................................................



แบบฝึกหัดบทที่ 7 ความปลอดภัยของสารสนเทศ

 คำชี้แจง : จงตอบคำถามต่อไปนี้

1.หน้าที่ของไฟร์วอลล์(Firewall)คือ

 ตอบ เป็นตัวกรองข้อมูลสื่อสารระหว่างเขตที่เชื่อถือต่างกัน เช่น อินเตอร์เน็ต (อาจนับเป็นเขตที่เชื่อถือไม่ได้) และ อินทราเน็ต (เขตที่เชื่อถือได้) โดยการกำหนดกฎและระเบียบมาบังคับใช้โดยเฉพาะเรื่องของการดูแลระบบเครือข่าย ระดับโพรโทคอลของระบบเครือข่าย ความผิดพลาดของการปรับแต่งอาจส่งผลทำให้ไฟล์วอลมีช่องโหว่ อาจนำไปสู่สาเหตุของการโจรกรรมข้อมูลคอมพิวเตอร์ได้

2.จงอธิบายคำศัพท์ต่อไปนี้ ที่เกี่ยวข้องกับไวรัสคอมพิวเตอร์

 ตอบ  worm หมายถึง โปรแกรมซึ่งเป็นอิสระจากโปรแกรมอื่นๆ โดยขะแพร่กระจายผ่านเครือข่ายไปยังคอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ ที่อยู่บนเครือข่ายการแพร่กระจายจะคล้ายกับตัวหนอนที่เจาะไซหรือชอนไปยัะงเครื่องคอมพิวเตอร์อื่นๆแพร่พันธุ์ด้วยการคัดลอกตนเองออกและส่งต่อผ่านเครือข่ายออกไป

3.ไวรัสคอมพิวเตอร์แบ่งออกเป็นกี่ชนิด อะไรบ้าง

 ตอบ  มี2ชนิด ได้แก่  1. Application viruses
                    2. System viruses

4.ให้นิสิตอธิบายแนวทางในการป้องกันไวรัวคอมพิวเตอร์มาอย่างน้อย 5 ข้อ

ตอบ   4.1 องค์กรมีนโยบายการให้ผู้ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ทุกคนต้องเปลี่ยนรหัสผ่านบ่อยๆ หรืออย่างน้อยปีละหนึ่งครั้ง
           4.2 มีการกำหนดสิทธิให้ผู้ใช้ระบบเข้าใช้ระบบในส่วนที่จำเป็นเท่านั้น
           4.3 องค์กรอาจมีการนำอุปกรณ์ตรวจจับทางชีวภาพมาใช้ในการควบคุมการเข้าใช้ระบบคอมพิวเตอร์
          4.4 มีการเข้ารหัสข้อมูลในระบบคอมพิวเตอร์
          4.5 มีระเบียบการปฎิบัติในการควบคุมอย่างชัดแจ้งในการใช้ระบบเทคโนโลยีสารสนเทศ

5.มาตรการด้านจริยธรรมคอมพิวเตอร์ที่ควบคุมการใช้อินเตอร์เน็ตที่เหมาะสมกับสังคมปัจจุบัน      ได้แก่

 ตอบ  เทคโนโลยีสารสนเทศและ การสื่อสาร (Information and Communication Technology:ICT) มีบทบาทสำคัญเป็นอย่างมากในปัจจุบัน เพราะถือเป็นหัวใจสำคัญในการผลักดันประเทศเข้าสู่สังคมโลกาภิวัตน์ ซึ่งมีพื้นฐานแห่งการระดมสมอง ภูมิปัญญาและการเรียนรู้อย่างไม่หยุดนิ่ง การที่เทคโนโลยีสารสนเทศ เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์และเทคโนโลยีโทรคมนาคมในปัจจุบันมีการพัฒนาอย่างต่อ เนื่องจนทำให้เกิด สภาพที่เรียกว่าพื้นที่ไซเบอร์ (Cyberspace) และโลกเสมือนจริง (Virtual World) นั้นมีผลทั้งในด้านดีและด้านเสีย ในด้านดีคือ เทคโนโลยีช่วยให้สังคมมีความเจริญก้าวหน้าอย่างรวดเร็ว การทำงานต่างๆมีความสะดวกและรวดเร็ว มีความถูกต้องแม่นยำมากขึ้น เป็นเครื่องมือในการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม เพราะเทคโนโลยีสารสนเทศนั้นได้ย่อโลกเราให้แคบลง ทุกสิ่งทุกอย่างเราสามารถค้นคว้าได้ภายในเวลาไม่กี่นาที ในด้านการทำงานนั้นมันเป็นตัวช่วยที่ดีเลยทีเดียว เพราะมันช่วยให้เราประหยัดเวลาในการทำงาน มันเป็นสื่อกลางในการติดต่อสื่อสารทำให้เราไม่ต้องเสียเวลาในการเดินทางไป ติดต่อธุรกิจ นอกจากนี้มันยังมีประโยชน์อีกมากมายแต่ในด้านดีนั้นมันก็ยังมีด้านเสีย ประกอบอยู่ด้วยเพราะสภาพสังคมในปัจจุบันที่มีความเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วจะ เห็นว่ามี ปัญหาต่างๆมากมายที่เกิดตามมาจากการใช้งานอินเทอร์เน็ต เช่น คนในสังคมได้รับผลกระทบจากอัตราการจ้างงาน เมื่อมีการนำเอาระบบสารสนเทศมาใช้การจ้างงานจึงลดลง ทำให้คนขาดรายได้ และตกงาน เกิดอาชญากรรมคอมพิวเตอร์ เช่น การโจรกรรมผ่านระบบออนไลน์ เว็บไซด์ลามก การล่อลวงทางเพศในโลกออนไลน์ นอกจากนี้ยังมีอันตรายทางอ้อมจากเว็บไซด์อันตราย เช่น เกมส์ออนไลน์ที่อาจนำไปสู่การใช้ความรุนแรงในหมู่เด็กๆ และการไม่รับผิดชอบต่อความผิดที่เกิดขึ้น เพราะยากในการสืบสวน สอบสวน เนื่องจากโลกไซเบอร์นั้นมันมีอยู่ทั่วทุกที่ ยากต่อการควบคุมให้อยู่ในกฎระเบียบ อีกทั้งมันยังส่งผลกระทบด้านภาษา เราพบว่ามีการใช้ภาษาที่สั้นกะทัดรัด เป็น คำที่ใช้เฉพาะกลุ่ม มีการใช้คำแผลง อาจส่งผลต่อการนำไปใช้ในชีวิตจริงๆพฤติกรรมของกลุ่มบุคคลที่ทำการสร้างข่าว สารเท็จก่อให้เกิดความวุ่นวายกับเว็บไซด์  การฉ้อโกง การล่อลวงทางเพศ อาชญากรรมทางธุรกิจ โดยผู้กระทำผิดนั้นล้วนแล้วแต่ดำเนินการผ่านเทคโนโลยีสารสนเทศ เพราะมันยากต่อการติดตามของเจ้าหน้าที่รักษาความเรียบร้อยบนพื้นที่ออนไลน์  ดังนั้นคุณธรรมและจริยธรรมในการทำกิจกรรมต่างๆ บนพื้นที่ไซเบอร์ คือ มาตรการหนึ่งที่จะเป็นปัจจัยในการป้องกันและแก้ไขปัญหาดังกล่าว และเพื่อที่จะให้เกิดการพัฒนาอย่างเหมาะสมและยั่งยืนต่อไปได้

แนวทางป้องกันและแก้ไขปัญหาบนพื้นที่ไซเบอร์

ตอบ 1.มาตรการทางการบริหาร หน่วยงานของรัฐ ต้องปฏิบัติหน้าที่อย่างจริงจัง รวมทั้งต้องมีบุคลากรที่เหมาะสม และเพียงพอต่อการปฏิบัติงาน และในขณะนี้ทางภาครัฐได้มีการดำเนินนโยบายขยายการใช้อินเทอร์เน็ตไปสู่ สังคมระดับรากหญ้า หากไม่มีการระมัดระวังและเตรียมการที่ดีก็อาจเป็นการเผยแพร่วัฒนธรรมและ กิจกรรมที่ไม่เหมาะสมบนอินเทอร์เน็ตไปสู่รากหญ้าและเยาวชนในชนบท แต่หากมีการเตรียมการที่ดี ตำบลอาจใช้อินเทอร์เน็ตเป็นสื่อในการกระจายความเจริญทางเทคโนโลยีและกระจาย องค์ความรู้ใหม่ ๆไปสู่สังคมได้ ดังนั้นหน่วยงานดังกล่าวจะต้องมีการวางมาตรการที่เด็ดขาดในการควบคุมดูแล พื้นที่ไซเบอร์ มีนโยบายที่ชัดเจน มีประสิทธิภาพ
2.มาตรการทางกฎหมายหน่วยงานที่ทำหน้าที่ใน การบังคับใช้กฎหมายต้องมีบุคลากรอย่างเพียงพอ เช่น สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นอกจากกำหนดให้การกระทำอันมิชอบทั้งหลายบนอินเทอร์เน็ต เป็นความผิดที่ไม่ต่างจากการกระทำในโลกจริงแล้วยังพยายามแก้ไขเพิ่มเติม กฎหมาย เพิ่มอำนาจการสืบสวนสอบสวน เพื่อแสวงหาพยานหลักฐานให้กับเจ้าพนักงานของรัฐรวมทั้งกำหนดให้ผู้ให้บริการ อินเทอร์เน็ตที่เกี่ยวพันกับข้อมูลการใช้อินเทอร์เน็ตทั้งหลายมีหน้าที่ตาม กฎหมายต้องจัดเก็บส่งมอบหรือให้ความร่วมมือกับเจ้าพนักงานเพื่อช่วยกันนำตัว ผู้กระทำความผิดมาลงโทษ
3.มาตรการทางการ ควบคุมจรรยาบรรณ จะต้องมีเครือข่าย ที่มีการดูแล ผู้ประกอบอาชีพและทำกิจกรรมบนพื้นที่ไซเบอร์ ที่สามารถทำหน้าที่ได้อย่างต่อเนื่องและจริงจัง ควรมีการป้องกันการชี้นำความคิดที่ผิดให้แก่คนในสังคม การที่ต้องมีการกระตุ้นให้เกิดสมาคมและเครือข่ายเพื่อดูแลกันเอง เพราะการเก็บข้อมูล หรือแสดงข้อมูล เพื่อแสดงตัวตน และความน่าเชื่อถือในขอบเขตเรื่องธุรกิจ และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ ก็เพื่อให้สามารถยืนยันตัวตนของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตได้อย่างชัดเจนยิ่งขึ้น และองค์กร เครือ ข่าย สมาคม ของผู้ใช้อินเทอร์เน็ตยังสามารถช่วยเหลือคนในวงการอินเตอร์เน็ต ช่วยคนทำเว็บไซต์ ใช้สายสัมพันธ์ในการให้คำปรึกษาและแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้น
4.มาตรการทางสังคม ต้องยกระดับและพัฒนาสถาบันพื้นฐาน เช่น สถาบันครอบครัวสถาบันศาสนา สถาบันทางสังคม และสถาบันทางธุรกิจให้มีความรู้ ความสามารถด้านไอทีเพียงพอที่จะดูแลบุคคลในสถาบันของตน โดยที่ผู้นำองค์กรทางธุรกิจและสังคมต้องมีความรู้ทาง ไอทีเป็นอย่างดี
5.มาตรการทางการศึกษา ควรพัฒนาการศึกษาระบบสารสนเทศและความรู้ไอทีให้กว้างขวาง รวมทั้งจัดทำหลักสูตรออนไลน์ ให้ครอบคลุมทุกสาขาวิชา ทั้งในและนอกระบบการศึกษา
6.มาตรการทาง คุณธรรมและจริยธรรม ได้แก่ การจัดระบบการให้การศึกษาแก่ผู้ใช้เทคโนโลยีเหล่านี้ทางด้านคุณธรรมและ จริยธรรม เพื่อให้เขาเหล่านั้นเข้าไปชักนำโลกเสมือนจริงและการทำกิจกรรมบนพื้นที่ไซ เบอร์ไปในทางที่ถูกที่ควร

ดังนั้นการแก้ปัญหาที่ดีที่สุดคือการส่งเสริมให้ประชาชนมีคุณธรรม จริยธรรมในการใช้เทคโนโลยี ประกาศใช้พระราชบัญญัติคอมพิวเตอร์ที่ชัดเจน ไม่คลุมเครือ ดำเนินการเอาผิดกับผู้ที่กระทำผิดอย่างจริงจัง มีผู้ควบคุมดูและระบบใหญ่และระบบย่อยทั้งหมด เพื่อไม่ให้เกิดการกระทำผิดขึ้น นอกจากนี้ต้องมีการส่งเสริมให้คนมีคุณภาพเข้ามาใช้อินเทอร์เน็ต และต้องสร้างเว็บไซต์ที่มีคุณภาพให้เกิดขึ้นมากๆ รณรงค์ให้ผู้บริหารฯ อาจารย์ นักวิชาการ หรือแม้กะทั่งนักเรียน นิสิต นักศึกษา ทำการเขียนบทความลง website  webblog เหล่านี้จะเป็นการส่งเสริมผลักดันให้มีเว็บไซต์คุณภาพ ที่สำคัญคือสถานศึกษาต้องปลูกฝังจิตสำนึกของนักเรียนในสถาบันของตนเองให้มี ความรู้ ความเข้าใจในการใช้ Internet อย่างถูกต้อง



..................................................................


แบบฝึกหัดบทที่ 8 การใช้สารสนเทศตามกฎหมายและจริยธรรม

คำชี้แจง : จงพิจารณกรณีศึกษาต่อไปนี้

1) "นาย A ทำการเขียนโปรแกรมขึ้นมาโปรแกรมหนึ่งเพื่อทดลองโจมตีการทำงานขอคอมพิวเตอร์สามารถใช้งานได้ โดยทำการระบุ IP-Address โปรแกรมนี้สร้างขึ้นมาเพื่อทดลองในงานวิจัย นาย B ที่เป็นเพื่อนสนิทของนาย A ได้นำโปรแกรมนี้ไปทดลองใช้แกล้งนางสาว C เมื่อนางสาว C ทราบเข้าก็เลยนำโปรแกรมนี้ไปใช้และส่งต่อให้เพื่อนๆ ที่รู้จักได้ทดลอง" การกระทำอย่างนี้ ผิดจริยธรรม หรือผิดกฎหมายใดๆ หรือไม่ หากไม่ผิดเพราะเหตุใด และหากผิด ผิดในแง่ไหน จงอธิบาย

ตอบ ผิดเพราะทำให้ผู้อื่นได้รับความเดือดร้อนและผิดจริยธรรมมากๆ ทั้งต่อด้านตนเองและสังคม และผิดกฎหมาย ทางด้านการละเมิดลิขสิทธิ์ของนาย A

2) "นาย J ได้ทำการสร้างโฮมเพจ เพื่อบอกว่าโลกแบนโดยมีหลักฐาน อ้างอิงจากตราต่างๆ อีกทั้งรูปประกอบ เป็นการทำเพื่อความสนุกสนาน ไม่ได้ใช้ในการอ้างอิงทางวิชาการใดๆ เด็กชาย K เป็นนักเรียนในระดับประถมปลายที่ทำรายงานส่งครูเป็นการบ้านภาคฤดูร้อนโดยใช้ข้อมูลจากโฮมเพจของนาย J " การกระทำอย่างนี้เป็น ผิดจริยธรรม หรือผิดกฎหมายใดๆ หรือไม่ หากไม่ผิดเพราะเหตุใด และหากผิด ผิดในแง่ไหนจงอธิบาย

ตอบ ไม่ผิดจริยธรรมหรือกฎหมายเพราะ นาย J แค่ต้องการทำเพื่อความสนุกสนานเท่านั้นไม่ได้คิดจะทำให้ผู้อื่นเดือดร้อน



.........................................................................









มาแนะนำตัวกัน!



             การแนะนำตัวเมื่อพบกันครั้งแรก ถือว่าเป็นเรื่องที่สำคัญอย่างหนึ่งในชีวิตประจำวัน ดังนั้นวันนี้เราจะมาเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้กันค่ะ

             เมื่อพูดถึงการแนะนำตัวในการพบปะกันครั้งแรก ประโยคง่ายๆที่ควรจะนึกถึงก็คือ สวัสดี ฉันชื่อ... ฉันเป็นคนประเทศ... อายุ...ปี ยินดีที่ได้รู้จัก! ถือว่าเป็นประโยคที่ธรรมดามากเลยทีเดียว เพราะฉนั้นหากจะพูดเป็นภาษาจีนแล้ว ก็ไม่ยากเลยค่ะ แต่ก่อนอื่นเรามาเรียนคำศัพท์กันก่อนเลยดีกว่า

           คำศัพท์

1. 你好 (Nǐ hǎo) สวัสดี
2. 叫 (Jiào) เรียก
3. 我 (Wǒ) ฉัน
4. 是 (Shì) ใช่,เป็น,คือ
5. 泰国 (Tàiguó) ประเทศ
6. 人 (Rén) คน
7. 岁 (Suì) ปี

          ต่อไปจะเป็นประโยคค่ะ...

   
      1. สวัสดี ฉันชื่อ...  =  你好(Nǐ hǎo), 我叫(WǒJiào)...(ชื่อของเรา)...
**หลายคนอาจจะสงสัยว่า ทำไมถึงใช้คำว่า 叫 ที่แปลว่าเรียกในประโยคนี้ ง่ายๆค่ะ ในภาษาจีนจะมีบางประโยคที่แปลจากด้านหลังมาด้านหน้าคล้ายกับภาษาอังกฤษ ประโยคนี้ก็เช่นเดียวกัน จะแปลว่า เรียกฉันว่า(ฉันชื่อ) ไม่ได้แปลว่า ฉันเรียก
     
      2. ฉันเป็นคนประเทศ... =  我是...(ประเทศ)...人 (Wǒ shì......rén)
**ไวยากรณ์ตรงนี้จะมีต่างจากของไทยนิดหน่อย ตรงที่จะใช้ชื่อประเทศขึ้นก่อนคำว่าคน"人" เช่น  我是泰国人 (Wǒ shì tàiguó rén) จะแปลได้ว่าฉันเป็นคนประเทศไทย ไม่ใช่ฉันเป็นประเทศไทยคน
     
      3.ฉันอายุ....ปี  =  我...(อายุ)...岁 (Wǒ....Suì) เช่น 我二十岁 ฉันอายุ20ปี

      4.ยินดีที่ได้รู้จัก = 很高兴认识你 (Hěn gāoxìng rènshi nǐ)


      เห็นมั้ยล่ะคะ แค่ไม่กี่ประโยคเราก็แนะนำตัวกับคนจีนได้แล้ว อย่าลืมนำไปฝึกฝนกันนะคะ พบกันใหม่กระทู้หน้าค่ะ :")



วันจันทร์ที่ 17 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

1 2 3 อ่านเลขจีน


        ต้าเจียห่าว วันนี้มาพบกับไรท์เช่นเดิมค่ะ จากกระทู้ที่แล้ว ที่เกริ่นไปแล้วว่ากระทู้นี้จะมาพูดถึงเรื่องตัวเลข ตัวเลขในภาษาจีนนั้นหลักหน่วยถึงหลักหมื่นจะมีหลักการอ่านเหมือนภาษาไทยค่ะ แต่หลังจากหลักแสนขึ้นไปการนับก็จะเปลี่ยนไป เอาเป็นว่า เราไปเรียนพร้อมๆกันเลยดีกว่า... 

ตัวเลขพื้นฐาน
 0 零(líng)  หลิง
 1 一(yī)   อี
 2 二(èr)  เอ้อร์(ม้วนลิ้น)
 3 三(sān)  ซาน
 4 四(sì)  ซื้อ
 5 五(wǔ)    อู่
 6 六(liù)     ลิ่ว
 7 七(qī)   ชี
 8 八(bā)    ปา
 9 九(jiǔ)     จิ่ว
   10  十(shí)  ฉือ
       หลังจาก10 แล้ว ก็จะอ่านหมือนไทยที่เอาสิบขึ้นก่อนแล้วตามด้วยเลขหลักหน่วย เช่น 
11 อ่านว่า 十一(shíyī) ฉืออี  , 20ก็ 二十(èrshí) , 55ก็ 五十五 (wǔshíwǔ)  
      หลักต่อไป คือ หลักร้อย ภาษาจีน ออกเสียงว่า 百(bǎi) ป่าย หลักพัน ออกเสียงว่า千(qiān) เชียน และ หลักหมื่น คือ 万(wàn) ว้าน หลักการอ่านยังคงอ่านเหมือนของไทย คือเอาหน่วยขึ้นก่อนแล้วตามด้วยคำว่าร้อย พัน หรือ หมื่น เช่น 914 = 九百一十四 (jiǔ bǎi yī shí sì)
**หากมีเลขศูนย์อยู่ตรงกลางให้ออกเสียงศูนย์ด้วย เช่น 101 = 一百零一 (yī bǎi líng yī) 


หลักแสน หลักล้าน

      ต่อไปจะเป็นหลักแสนกับหลักล้านค่ะ ที่ไรท์แยกสองหลักนี้ออกมา เพราะวิธีการอ่านจะแตกต่างออกไปจากหลักข้างต้น โดยคนจีนจะไม่มีคำที่ใช้เรียกแทน2หลักนี้ ฉนั้นเวลาพูดแทนจะใช้คำดังนี้
 十万(shí wàn) =  แสน จะเห็นได้ว่าหากแปลเป็นไทยจะเท่ากับ 10หมื่นนั่นเอง
百万(bǎi wàn) = ล้าน (ร้อยหมื่น)
ถ้าหากจะเขียน สิบล้าน ให้เขียนเป็น 千万(qiān wàn) หรือ พันหมื่นนั่นเอง แต่ในภาษาจีนจะไม่มี 万(wànwàn) หรือ หมื่นหมื่นนะคะ เพราะหลักนี้ในภาษาจีนจะใช้คำว่า 亿(yì) ร้อยล้าน 
เอ๊ะ!~แล้วแบบนี้ถ้ามีหลักที่มากกว่าร้อยล้านล่ะจะอ่านยังไง? ไม่ยากค่ะ ใช้เหมือนกับหลักแสนหรือล้านเลย แต่เปลี่ยนคำหลังเป็น亿(yì) แทน万(wàn)นั่นเอง เช่น 十亿(shí yì) = สิบล้าน 

เห็นมั้ยล่ะคะ ว่าการอ่านตัวเลขของจีนนั้นไม่ยากเลย อาจจะมีงงซักเล็กน้อย เพราะบางหลักอ่านไม่เหมือนกับภาษาไทยเรา แต่เเอดเชื่อว่าหากได้ลองใช้ลองฝึกหรือท่องแล้ว ต่อไปเรื่องตัวเลขจะเป็นของกล้วยๆไปเลย!!~ 






                                  





 

วันเสาร์ที่ 15 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

กฎของพินอิน



              จากกระทู้ที่แล้วที่ไรท์ได้พาทุกคนไปรู้จักกับพินอินแล้วนั้น วันนี้เราจะมาเจาะลึกลลงไปถึงเรื่องกฎของพินอินกันคะ กฎของพินอินนั้นมีอยู่2ส่วนใหญ่ๆด้วยกัน อย่างแรก คือ กฎการวางวรรณยุกต์ให้ถูกตำแหน่ง และ กฎการออกเสียงวรรณยุกต์เสียง3 เอาเป็นว่าเรามาเริ่มกันเลยดีกว่า!!


กฎของการเวางตำแหน่งวรรณยุกต์ มีดังนี้


             วรรณยุกต์จะวางไว้บนตำแหน่งของสระเท่านั้น  โดยตำแหน่งการใส่เครื่องหมายวรรณยุกต์ จะใส่ไว้ตามลำดับสระ ดังนี้ a o e i u ü ไม่ว่าจะเป็นสระเดี่ยวหรือคู่ก็ตาม ยกเว้นสระ iu และ ui จะใส่วรรณยุกต์ไว้บนตำแหน่งสุดท้ายเสมอ



กฎการออกเสียงวรรณยุกต์เสียง 3 มีดังนี้


1. หากวรรณยุกต์เสียง3 มาเจอกัน2พยางค์ ให้ผันพยางค์แรกเป็นเสียง2 เช่น คำว่า nǐhǎo เป็นคำทักทายง่ายๆของภาษาจีน ถ้าสังเกตุให้ดีจะไม่ออกเป็น หนี่ห่าว แต่จะออกเป็น หนีห่าว


2.หากวรรณยุกต์เสียง3 มาเจอกัน3ตัว ให้ผันพยางค์ตรงกลางเป็นเสียง2 เช่น wǒ hěn hǎo (ฉันสบายดี) คนจีนจะไม่ออกเสียงว่า หว่อเหิ่นห่าว แต่จะออกเป็น หว่อเหินห่าว


3.หากวรรณยุกต์เสียง3 มาเจอกัน4พยางค์ ให้ผันพยางค์ ที่1 และ 3 เป็นเสียง2 เช่น wǒ yě hěn hǎo (ฉันก็สบายดี) จะออกเสียงเป็น หว๋อ เย่ เหิน ห่าว


          ก็จบไปแล้วนะคะ สำหรับระบบพินอินในภาษาจีน อย่าลืมนำไปฝึกอ่านกันด้วยคะ สำหรับกระทู้ต่อไปเราจะเข้าสู่เรื่องของตัวเลข เพราะฉนั้นอย่าลืมติดตามกันด้วยนะคะ :")

วันอังคารที่ 11 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557

ภาษาจีนนี่เค้าอ่านยังไงกันนะ?




           สวัสดีค่ะทุกคน หลังจากที่ในกระทู้ที่แล้วได้มีการกล่าวถึงระบบการออกเสียงพินอินไป
วันนี้ไรท์เตอร์จึงจะมาพาทุกคนไปออกเสียงพินอินพร้อมๆกัน พินอินในภาษาจีนจะคล้ายกับ
ภาษาไทย ที่มีการผสมเสียง พยัญชนะ สระ และ วรรณยุกต์ เข้าด้วยกับ แบ่งได้เป็น


พยัญชนะ 声母 Shēngmǔ

            มีทั้งหมด 21 ตัว จะเห็นได้ว่ามีจำนวนน้อยมากหากเทียบกับภาษาไทยที่มีถึง 44 ตัว ที่สำคัญยังออกเสียงคล้ายภาษาอักฤษอีกด้วย เอาเป็นว่าเรามาเริ่มกันเลยดีกว่าค่ะ

                b (ปัว / ปอ)  ป
                p (พัว / พอ)  พ
                m (มัว / มอ)  ม
                f   (ฟัว / ฟอ) ฟ    
               d  (เตอ) ต
                t (เทอ) ท
                n (เนอ) น
                l  (เลอ) ล   
               g  (เกอ) ก
               k  (เคอ) ค
               h  (เฮอ) ฮ
               j (จี)*กัดฟันกระแทกลม    จ
              q (ชี) ช
              x (ซี) ซ                   
              z (จือ)*กัดฟันกระแทกลม  จ               
              c (ชือ)*กัดฟันกระแทกลม  ช
              s (ซือ)*กัดฟันกระแทกลม  ซ               
              zh (จรือ)*ม้วนลิ้นแตะเพดานปาก  จ               
              ch (ชรือ)*ม้วนลิ้นแตะเพดานปาก  ช     
              sh (ซรือ)*ม้วนลิ้นแตะเพดานปาก  ซ      
               r  (ยรือ)*ม้วนลิ้นแตะเพดานปาก   ร             


หากไม่เข้าใจลองฟังคลิปที่หามาให้นะคะ เป็นคนไทยสอนการออกเสียงจะไม่ชัดเจนเท่าไหร่ แต่สอนเข้าใจง่ายกว่าคลิปของคนจีน ถ้าอยากได้สำเนียงจีนจริงๆ ลองหาในYoutubeได้เลยค่ะ 




Cr.Dew Thanapol


 สระ 韵母 Yùnmǔ

         ต่อมานะคะจะเป็นเรื่องของสระ ซึ่งสระในภาษาจีนจะแบ่งออกเป็น สระเดี่ยว และ สระผสม

สระเดี่ยว 单韵母 dān yùnmǔ มีทั้งหมด 6 เสียง ดังนี้
    
     a                                                                 (อา)     
     o                                                                 (โอ)       
     e                                                                 (เออ)       
     i                                                                    (อี)         
     u                                                                   (อู)       
     ü                                                                  (อวี)*ออกเสียงอีแต่ทำปากจู๋


คลิปตัวอย่าง


Cr.Dew Thanapol


สระผสม 双韵母 shāung yùnmǔ มีทั้งหมด 30 เสียง ดังนี้

ao  (อาว)
ai   (อาย) 
an  (อาน)
ang  (อาง / อัง)
ou  (โอว)
ong  (อง)  
ei  (เอย)
en (เอิน)
eng   (เอิง)
er  (เออร์)*ม้วนลิ้น
ia  (เอียะ)
iao  (เอียว)
ie  (เอีย)
iu ย่อมาจาก iou  (อิว)
ian  (เอียน)
in  (อิน)
iang  (เอียง)
ing  (อิง)
iong   (อี+อง)
ua  (อวา)
uo  (อัว)
uai (อุวาย)
uei  (อู+เอย)*รวบเสียงเร็วๆ
uan (อวาน)
un  (อุน)
uang  (อวาง)
ueng  (อู+เอิง)
üe  (เอวีย)
üan  (เอวียน)
ün  (อวิน)



คลิปตัวอย่าง


Cr.Kanyarat Nuansut



 วรรณยุกต์ 声调 Shēngdiào มีทั้งหมด 5 เสียง 4 รูป ดังนี้


 เสียงที่ 1  ā  อา
 เสียงที่ 2  á  อ๋า
 เสียงที่ 3  ǎ  อ่า
 เสียงที่ 4  à  อ้า
 เสียงที่ 5  ไม่มีรูป  อะ




คลิปตัวอย่าง


Cr.Chinese Corner Channel



          ทุกๆคนก็ได้ทราบถึง พยัญชนะ สระ และ วรรณยุกต์ในระบบพินอินกันไปแล้วนะคะ ต่อมาจะเป็นเรื่องการผสมคำ การผสมคำในภาษาจีนไม่อยากเลยค่ะ อ่านเหมือนภาษาไทย คือ อ่านพยัญชนะต้น สระ แล้วใส่เสียงวรรณยุกต์ เช่น  b(ปัว) + ao(อาว) +เสียง1 = bāo ปาว หากไม่เข้าใจ ลองเปิดคลิปตัอย่างด้านล่างได้เลยค่ะ


คลิปตัวอย่าง


Cr.jibunderground


         ค่ะหลังจากที่ได้เรียนรู้เรื่องพินอินไปแล้วนะคะ ไรท์เตอร์ก็อยากให้ทุกๆคนขยันท่อง ขยันอ่านพินอินไปเรื่อยๆ เพราะสิ่งนี้มีความสำคัญมากในการเรียนภาษาจีน หากเราฝึกพินอินจนคล่องแล้ว สิ่งต่อไปที่เราควรทำ คือ ฝึกท่องจำฮั่นจื้อ หรือตัวอักษรจีน จะถูกหรือผิดก็ไม่เป็นไรค่ะ ขอให้คุ้นตาก็พอ เพียงแค่นี้ภาษาจีนที่ว่ายาก ก็จะไม่ไกลเกินความพยายามของเราค่ะ :")

                      

วันศุกร์ที่ 31 ตุลาคม พ.ศ. 2557

มารู้จักจีนกลางกันเถอะ...



มารู้จักจีนกลางกันเถอะ...


         ต้าเจียห่าวค่ะทุกคน เนื่องจากกระทู้นี้เป็นกระทู้แรกของบล็อก ไรท์เตอร์จึงขอนำทุกๆคนไปทำความรู้จักกับ ความรู้เบื้องต้นของภาษาจีนกลางกันค่ะ
         หลายๆคนคงจะทราบกันดีอยู่แล้วว่า ภาษาจีนกลางนั้นมีชื่อเรียกตามหลักสากลคือ แมนดาริน (Mandarin Chinese) ซึ่งเป็นภาษาราชการที่คนจีนใช้มากที่สุด แต่ส่วนใหญ่คงจะยังไม่ทราบว่า คำที่คนจีนใช้เรียกภาษาจีนกลางนั้นมีอะไรบ้าง ดังนั้นวันนี้เราจะมาทราบไปพร้อมๆกันค่ะว่า คำที่ใช้เรียกภาษาจีนกลางมีอะไรบ้าง เพื่อที่จะได้นำไปใช้กันได้อย่างถูกต้อง

     คำที่ใช้เรียกภาษาจีนกลาง 
มีทั้งหมด 6 คำ คือ
 1. 汉语 Hànyǔ อ่านว่า ฮั่นยวี่ (เป็นคำที่นิยมใช้มากที่สุด)
 2. 中文 Zhōngwén  อ่านว่า จงเหวิน
 3. 中国话 Zhōngguó huà อ่านว่า จงกั๋วฮว่า
 4. 语 Gอ่านว่า กั๋วยวี่
 5. 华文 Huáwén อ่านว่า ฮวาเหวิน
 6. 普通话 Pǔtōnghuà อ่านว่า พู่ทงฮว่า

       
          หลังจากได้ทราบกันไปแล้วว่าภาษาจีนกลางนั้นเรียกยังไงได้บ้าง ต่อมาเรามาทำความรู้จักกับส่วนประกอบของภาษาจีนกลางกันบ้างดีกว่าค่ะ 
         สำหรับส่วนประกอบในภาษาจีนกลางนั้น แบ่งออกได้เป็น 2ส่วน คือ ฮั่นจื้อ และ พินอิน 
      汉字 Hànzì ฮั่นจื้อ 
    
     คือ อักษรจีนที่มีวิวัฒนาการมาจากอักษรภาพ โดยแต่ละคำจะมีเสียงอ่านและความหมายในตัวเอง ต่างจากภาษาอื่นๆที่มีการรวม พยัญชนะ สระ และวรรณยุกต์มาประกอบกัน ซึ่งสามารถสะกดคำอ่านได้โดยตรงแม้จะไม่รู้ความหมายเลยก็ตาม 



ตัวอย่างวิวัฒนาการของฮั่นจื้อ
เครดิต http://www.ocanihao.com/pakinnaka3.html


    
     拼音 Pīnyīn พินอิน
    
     เนื่องจากอักษรจีนเป็นอักษรภาพ ทำให้หากเราไม่รู้คำศัพท์นั้นๆมาก่อน จะทำให้ไม่สามารถอ่านคำนั้นได้ ดังนั้นในปัจจุบันคนจีนจึงได้มีการคิดค้นระบบการออกเสียงของจีนขึ้นมา เพื่อให้ง่ายต่อการเรียนรู้ ซึ่งระบบนี้เรียกว่า พินอิน คือระบบการถอดเสียงภาษาจีนกลางโดยใช้อักษรภาษาอังกฤษมาเป็นสื่อกลาง และอักษรบางตัวก็จะออกเสียงไม่ตรงตามการออกเสียงในภาษาอังกฤษด้วย


ค่ะ...ทุกคนก็ได้ทราบความรู้เบื้องต้นของภาษาจีนกลางกันไปพอสมควรแล้วนะคะ ไรท์หวังว่าคงจะมีประโยชน์ต่อคนที่เข้ามาติดตามหรือผ่านมาเห็นบล็อกนี้ไม่มากก็น้อย สำหรับเรื่องต่อไปที่จะนำมาแบ่งปันกัน จะเป็นเรื่องของระบบพินอินซึ่งมีความสำคัญมากในการเรียนภาษาจีน ยังไงก็อย่าลืมติดตามและให้กำลังใจไรท์เตอร์กันด้วยนะคะ :")





........................................................................................











วันอังคารที่ 14 ตุลาคม พ.ศ. 2557

CHINESE LINE




           สวัสดีค่ะ...ต้าเจียห่าว!! ยินดีต้อนรับเข้าสู่บล็อก CHINESE_LINE บล็อกที่จะเปลี่ยนภาษาจีนที่่หลายคนบอกว่ายาก ให้กลายมาเป็นภาษาที่เข้าใจง่ายยิ่งขึ้น!!~

          ก่อนอื่นต้องขอแนะนำตัวก่อนนะคะ ไรท์เตอร์มีชื่อว่า "เชียวเล่ย" หรือเรียกว่าไรท์เล่ยก็ได้ เป็นนิสิตเอกวิชาภาษาจีนของมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่งในภาคอีสาน จึงอยากนำวิชาความรู้ทีได้เรียน มาเผยแพร่ เพราะคนส่วนใหญ่ในสังคมไทยคิดว่าภาษาจีนเป็นภาษาที่ยาก ทั้งด้านการออกเสียง การเขียนและไวยากรณ์ แต่ความจริงแล้ว หากเราได้มาสัมผัสกับภาษาจีนจริงๆ จะทำให้รู้เลยว่า ไม่ยากเกินความสามารถเราอย่างแน่นอน...สู้ๆ!!~ 





................................